SabyEnglish

ฝึกภาษาอังกฤษ สนทนาภาษาอังกฤษ (English Conversation) และ โครงสร้างและการใช้ Tenses ต่างๆ

Monday, April 6, 2020

7 สิ่งที่คุณควรทำ เวลาคุณไม่รู้ว่าควรต้องทำอะไร

คุณเคยรู้อยากลงมือทำอะไร ให้ประสบความสำเร็จแต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน แล้วสุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไรเลยไหม

วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีที่ทำให้คุณเริ่มต้นได้อย่างถูกต้องไปกับ 7 สิ่งที่คุณควรทำเวลาคุณไม่รู้ว่าควรต้องทำอะไร (7 Effective Steps to Taking Action When You Don’t Know What to Do)

ไปเริ่มข้อแรกกันเลย

1) Your Destination (เป้าหมายของคุณ)

สิ่งแรกที่คุณควรทำคือถามตัวเองก่อนว่าคุณอยากจะทำอะไรให้สำเร็จ เป้าหมายสูงสุดคืออะไร

What do you want to accomplish? (คุณอยากจะทำอะไรให้สำเร็จ)
What is your ultimate goal? (จุดมุ่งหมายสูงสุดในชีวิตคุณคืออะไร)

2) Your Knowledge (ความรู้ของคุณ)

สิ่งที่ควรถามตัวเองต่อคือ What dou you know? (คุณรู้อะไรบ้าง)

ในการที่จะทำอะไรให้สำเร็จ คุณต้องมีความรู้ แล้วตอนนี้คุณมีพอที่จะทำให้เป้าหมายสำเร็จไหม

ถ้าคุณมีพอแล้ว คุณควรเริ่มลงมือทำ ศัตรูที่น่ากลัวที่สุดคือตัวคุณเอง คุณกลัวการที่จะลงมือทำ

Most people are their own worst enemies. คนส่วนใหญ่มักจะแพ้ภัยตัวเอง

3) Your Gabs (ช่องว่าง ในที่นี้คือช่องว่างของความรู้ของคุณ)

สิ่งที่ควรถามตัวเองในข้อนี้คือ
What do you need to learn in order to take action? (อะไรที่คุณต้องรู้ ต้องเติม เพื่อที่จะเริ่มทำอะไรสักอย่าง)

ถ้าคุณรู้เพียงพอคุณควรเริ่ม แต่ถ้าคุณยังขาดความรู้ในเรื่องไหน คุณควรต้องรู้ก่อนว่าคุณขาดอะไร ทำไมเรื่องนี้จำเป็นต้องรู้ และคุณควรไปหาความรู้เรื่องนั้น เพื่อที่จะเริ่มลงมือทำสิ่งที่คุณจะประสบความสำเร็จ

4) Your Obstacles (อุปสรรคของคุณ)

หลังจากความรู้คุณเพียงพอแล้ว คุณควรถามตัวเองว่า
What would be my obstacles? (อุปสรรคของฉันคืออะไรบ้าง)

ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ พวกเขาเหล่านั้นเคยเจออุปสรรคมากมาย และล้มเหลวมาหลายต่อหลายครั้งกว่าจะประสบความสำเร็จ

ปัญหาและอุปสรรคไม่ใช่ความล้มเหลว หลายๆคนจะคิดแบบนี้ แต่จริงๆแล้วมันตรงข้ามเลย

Mistakes are stepping stones to success. (ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่จะทำให้เราก้าวไปสู่ความสำเร็จ)

If you never made mistakes, and if you never failed, you would never learn and discover what truly works. (ถ้าคุณไม่เคยผิดพลาด หรือล้มเหลวเลย คุณจะไม่ได้เรียนรู้ หรือค้นพบสิ่งที่จะทำให้สำเร็จได้เลย)

5) Your Next Small Step ​(ก้าวเล็กๆก้าวต่อไปของคุณ)

ต่อไปคุณควรถามตัวเองว่า
What would be the next smallest step I can take today? (อะไรคือก้าวเล็กๆที่เราสามารถเริ่มทำได้ในวันนี้)

คุณควรต้องเริ่มทำ ต้องโฟกัสในเป้าหมายคุณ ค่อยๆทำวันละนิด สักวันนึงมันจะสำเร็จ

6) Your Fears (ความกลัวของคุณ)

แน่นอนว่าทุกคนมี comfort zones ของตัวเอง แต่ถ้าคุณอยากจะประสบความสำเร็จ บางทีคุณต้องกล้าที่จะทำในสิ่งที่ไม่แน่นอน

ความกลัวเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ คุณจะต้องเผชิญและเอาชนะมัน

7) Your Determination (ความมุ่งมั่นของคุณ)

When you’re determined to succeed or create the life of your dreams, nothing can stand in your way.ถ้าคุณมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จ สร้างชีวิตในความฝัน ไม่มีอะไรที่จะสามารถหยุดคุณได้

แต่คุณก็ต้องยอมรับว่า ระหว่างทางที่คุณจะประสบความสำเร็จ คุณจะต้องเจออุปสรรคมากมายที่ทำให้คุณสับสนหรือเสียใจได้ แต่คุณต้องกล้าเผชิญมันและอย่ากลัวความล้มเหลว ค่อยๆก้าวทีละเล็ก แต่ก้าวอย่างมั่นใจ


หวังว่าทุกคนจะได้ข้อความและความรู้ภาษาอังกฤษจากบทความนี้ ที่สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ บทความนี้เป็นบทความที่อ่านและแปลเป็นภาษาของผมเอง ถ้าสนใจอ่านเต็มๆก็เข้าไปอ่านที่ลิงค์ด้านล่างได้เลยครับ
https://www.dumblittleman.com/7-effective-steps-to-taking-action-when/


Friday, December 20, 2019

หลักการเลือกใช้คำนำหน้า the, a หรือ an

หลักการใช้ a / an
เราใช้ an นำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยสระ (a e i o u) เช่น
an apple
an umbrella
an architect
an elephant

เราจะใช้ a นำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะที่เหลือทุกตัว
a bank
a family
a hotel
a uniform
a university

The
* สำหรับการใช้ the นั้น จะใช้ต่อเมื่อสิ่งที่เราเรียกมีแค่อย่างเดียว
ตัวอย่างเช่น

We can go anywhere in the world.
(เรามีโลกเดียว)

Where is the kitchen?
(บ้านมีห้องครัวแค่ที่เดียว จึงใช้ the)

ใช้ the สำหรับนำหน้า only

You are the only person he will listen to.
The only tea I like is green tea.


* a / an เราจะใช้นำหน้าคำนามเวลาเรียกครั้งแรก และครั้งต่อไปเราจะใช้ the

There's a job available in my company. The job will involve some international travel.

A thief stole $1,200 from the shop. The thief hasn't been caught yet.

* ใช้ the เมื่อเราระบุชัดๆว่าสิ่งที่เราพูดหมายถึงใคร ที่ไหน อย่างชัดเจน เช่น

Let's go to a department store this evening.
(ใช้ a/an เพราะเราไม่ได้ระบุชัดๆว่าห้างที่ไหน ห้างมีหลายที่)

Let's go to the department store in Sathorn Road.
(เพราะเราระบุไปเลยว่าห้างที่ถนนสาทร)

Sunday, June 9, 2019

การถามและบอกวันเกิด ในภาษาอังกฤษ

มาดูการถามวันเกิดและการตอบวันเกิด ในภาษาอังกฤษกันเถอะ ง่ายมากๆเลยไปดูกัน

มาเริ่มที่การถามวันเกิดแบบเป็นทางการ (Formal) กันก่อนดีกว่า

What's your date of birth?
Can I have your date of birth, please?

ต่อกันที่การถามวันเกิดแบบไม่เป็นทางการ (Informal) ก็สามารถถามง่ายๆแบบนี้ได้เลย

When's your birthday?
When were you born?

มาดูการตอบหรือบอกวันเกิดกันบ้าง

คุณสามารถตอบวันที่ตรงๆไปเลยได้ เช่น 15 February 1995
หรือตอบเต็มๆก็ My birthday is on July 20, 1995 หรือ I was born on July 20, 1995 ก็ได้
ถ้าวันเกิดคุณตรงกับวันสำคัญเช่นวันคริสต์มาส คุณสามารถบอกได้ว่า I was born on Christmas Day.

Sunday, February 24, 2019

แนะนำ Podcast สำหรับฝึกภาษาอังกฤษที่ผมชอบ ทั้งไทยและต่างประเทศ

Podcast คือคลิปเสียง หรืออารมณ์รายการวิทยุที่ถูกจัดขึ้นผ่านทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งเราสามารถหาฟังได้จาก Youtube และแอปพลิเคชันสำหรับฟังโดยเฉพาะ โดยส่วนตัวผมใช้แอปนี้ CastBox
ซึ่งเราสามารถฟังขณะเดินทางไปเรียน ไปทำงาน เพื่อเพิ่มความรู้ภาษาอังกฤษของเราได้นั้นเอง
เอาละ ไปเริ่มจาก Podcast ของคนไทยที่ผมชอบกันเลย

- คำนี้ดี 
แนะนำ podcast ฝึกภาษาอังกฤษ คำนี้ดี
เป็นรายการที่นำเรื่องต่างๆที่มีประโยชน์มาเล่าให้ฟัง และจะแฝงคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ประโยคภาษาอังกฤษให้เราด้วยในนั้น ตอนนี้มีเป็นร้อย episode แล้วครับ

ใครอยากลองฟังก็สามารถคลิกที่นี่ได้เลย คำนี้ดี Playlist หรือ EP:0 แนะนำคำนี้ดี

- We need to talk
แนะนำ podcast ฝึกภาษาอังกฤษ ชื่อ we need to talk
รายการนี้จะเชิญดาราไทย ที่เป็นนักเรียนนอก หรือมีโอกาศได้ใช้ชีวิตในต่างประเทศมาสัมภาษณ์ พูดคุยถึงชีวิตแขกรับเชิญคนนั้น หรือการไปใช้ชีวิตในต่างประเทศครับ จะเป็นอังกฤษล้วน เหมาะแก่การฝึกฟังมากๆ โดยเฉพาะถ้าเราชอบแขกรับเชิญในรอบนั้น เราจะอยากฟังมากขึ้นนั่นเอง

ใครอยากลองฟังก็สามารถคลิกที่นี่ได้เลย We need to talk - Playlist

เรามาดูของต่างประเทศกันบ้างดีกว่าครับ
- All Ears English

แนะนำ Podcast สำหรับฝึกภาษาอังกฤษ All Ears English
รายการนี้จะเป็นการพูดคุยกันระหว่างสองพิธีกร Lindsay กับ Michael จะเป็นการแนะนำประโยค เล่าว่าจะพูดแบบนี้ต้องใช้คำว่าอะไร หรือตอบคำถามที่มีคนถามคำไปนั่นเอง ซึ่งจะเป็นการพูดคุยแบบเป็นกันเอง สนุกๆครับ Concept ของช่องนี้คือ We believe in Connection NOT Perfection! หรือก็คือเราเชื่อว่าการฝึกภาษา เราใช้ในการสานสัมพันธ์ ไม่ใช่ต้องพูดเป๊ะ เพอร์เฟคอะไรขนาดนั้น
ใครอยากฟังต้องโหลดแอปแล้วแหละครับ แล้วลองค้น All Ears English ดูครับ อันนี้แอปที่ผมใช้ฟัง - แอป CastBox

- 6 Minute English
แนะนำรายการ podcast สำหรับฝึกภาษาอังกฤษ - 6 Minute English
รายการนี้จะเป็นพิธีกรสองคนที่จะหยิบยกเรื่องทั่วไปต่างๆที่มีประโยชน์ มาเล่าให้เราฟังใน 6 นาที จะมีการแนะนำและเน้นคำศัพท์ให้เราด้วยในทุกคลิป อาจจะฟังยากกว่า All Ears English ถ้าฟังละไม่เข้าใจ รอบสองก็ฟังแบบอ่าน Transcript ดูก็ได้ครับ ในเว็บจะมีให้อ่าน อันนี้ฟังจากในเว็บได้

ลองเข้าไปดูได้ที่ BBC 6 Minute English

Monday, February 18, 2019

15 ประโยคบอกรักภาษาอังกฤษ ที่คุณควรนำไปใช้กับคนรักของคุณ พร้อมคำแปล


No matter what has happened. No matter what you’ve done. No matter what you will do. I will always love you. I swear it.
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าคุณทำอะไรลงไป หรือไม่ว่าคุณกำลังจะทำอะไร ผมจะรักคุณตลอดไป ผมสาบานเลย

If I know what love is, it is because of you.
ถ้าฉันรู้ว่ารักคืออะไร นั่นก็เพราะคุณ

I love you the way a drowning man loves air.
ฉันรักคุณมาก เสมือนกับผู้ชายจมน้ำที่ต้องการอากาศ

And in your smile I see something more beautiful than the stars.
และในรอบยิ้มของคุณ ฉันก็ได้เห็นบางอย่างที่สวยงามยิ่งกว่าดวงดาว

I wish I were an octopus so that I would have more arms to hold you.
ฉันอยากจะเป็นปลาหมึก จะได้มีมือมากมายมากอดคุณ

When you need someone to be there for you, I’ll be right there by your side always!
เวลาที่คุณต้องการคนที่อยู่ข้างๆ ฉันนี่แหละที่จะไปอยู่ข้างๆคุณ เสมอไปเลย

I wish life had a pause button. I would pause every moment we spend together.
ถ้าชีวิตมีปุ่มหยุดก็คงดี ฉันจะได้หยุดทุกๆช่วงเวลาที่เราได้ใช้ชีวิตร่วมกัน

My heart for you will never break. My smile for you will never fade. My love for you will never end. I love you!
หัวใจของฉันเพื่อคุณจะไม่มีวันถูกทำลาย รอบยิ้มของฉันเพื่อคุณจะไม่มีวันเลือนหาย ความรักของฉันที่มีให้คุณจะไม่มีวันสิ้นสุด ฉันรักคุณ

You are artwork I could admire forever.
คุณคืองานศิลปะที่ฉันชื่นชมตลอดไป

Your presence makes the world more beautiful.
การมีอยู่ของคุณทำให้โลกนี้สวยงามขึ้นเยอะเลย

Your smile is sweeter than sugar.
รอยยิ้มของคุณหวานยิ่งกว่าน้ำตาลอีก

No flower in this whole world can match your beauty, my love.
ไม่มีดอกไม้ไหนในโลกนี้ที่เทียบความสวยของคุณได้เลยที่รัก

Life is beautiful because of you.
ชีวิตสวยงามก็เพราะคุณ

My world has no meaning without you.
โลกของฉันจะไม่มีความหมายอะไรเลยถ้าไม่มีคุณอยู่

I always thought that happiness started with an H, but now I see that it starts with U.
ฉันคิดมาตลอดว่า ความสุขมันเริ่มต้นด้วยตัว H  แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่ามันเริ่มต้นด้วยตัว U

Saturday, February 2, 2019

Do you...? กับ Are you...? ใช้ต่างกันยังไง

Are you…? สามารถใช้ถามได้หลายสถานการณ์ดังข้างล่าง

เคสแรก คือใช้ถามตัวตนของคนที่เราถาม ในเคสนี้ Are you จะตามด้วยคำนาม
ตัวอย่างเช่น

Are you a writer?
คุณเป็นนักเขียนใช่ไหม

Are you Paul?
คุณใช่พอลรึเปล่า?

เคสที่สอง คือใช้ถามถึงอารมณ์ ความรู้สึกของคนที่เราถาม ในเคสนี้ Are you จะตามด้วย adjective
ตัวอย่างเช่น

Are you happy?
คุณมีความสุขไหม

Are you sick?
คุณป่วยรึเปล่า

เคสที่สามคือใช้ถามถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน  เคสนี้ Are you จะตามด้วย V+ing
ตัวอย่างเช่น

Are you reading a book?
คุณกำลังอ่านหนังสืออยู่รึเปล่า

Are you cooking?
คุณกำลังทำกับข้าวอยู่หรอ


Do you...? จะใช้ถามว่าเขาทำสิ่งใดเป็นปกติบ้าง หรือถามถึงความเป็นเจ้าของ

โดย Do you จะตามด้วย V ที่ไม่ผัน หรือเรียกว่า base form

ตัวอย่างการใช้งานเช่น

Do you smoke?
คุณสูบบุหรี่ไหม

Do you like to travel?
คุณชอบท่องเที่ยวไหม

ตัวอย่างการถามถึงความเป็นเจ้าของ เช่น
Do you have a cat?
คุณเลี้ยงแมวรึเปล่า

Do you own that car?
คุณเป็นเจ้าของรถคันนั้นหรอ



Saturday, December 22, 2018

บทสนทนาภาษาอังกฤษ Getting Cold Feet

Getting Cold Feet.

Pim: Can you believe it Jane? Your wedding is in two weeks!
นี่ เชื่อไหมเจน แกจะได้แต่งงานในอีกสองอาทิตย์แล้วนะ

Jane: I know.
ฉันรู้

Pim: What's wrong?
เกิดอะไรขึ้น

Jane: Well... I think I'm getting cold feet.
เอ่อ... ฉันคิดว่าฉันรู้สึกกังวลมากๆเลย

Pim: Oh, don't worry. That's normal. That's how I felt before I married Kim. But everything will be fine. You and Gorn are really great together.
โอ้ อย่ากังวลไปเลย นั่นเป็นเรื่องปกติ ฉันก็รู้สึกกังวัลเหมือนกันตอนก่อนจะแต่งงานกับคิม แต่ทุกๆอย่างจะดีเองนะ เธอกับกรก็ไปด้วยกันได้ดีมากๆเลยนะ

Jane: I know, but maybe we should wait. We can't even afford to buy furniture!
ฉันรู้ แต่บางทีฉันคิดว่าเราควรรอก่อน แม้แต่เฟอร์นิเจอร์เรายังจะไม่มีเงินพอจะซื้อเลย


Pim: Oh, so it's money that's make you have second thoughts. But deep down you really want to get married.
โอ้ เป็นเพราะเงินนี่เอง ที่ทำให้แกคิดที่จะเปลี่ยนความคิด แต่ลึกๆแล้ว แกอยากจะแต่งงานมากๆเลยนะ

Jane: You're right. I really do. I'm dying to marry Gorn.
ใช่ แกพูดถูก ฉ้นอยากจะแต่งงานกับกรมากๆเลย


คำอธิบายเพิ่มสำหรับสำนวน
Cold feet แปลว่า Become so nervous about starting something new.
ในไทยก็คือ รู้สึกกลัว กังวลใจ มากๆ กับสิ่งใหม่ๆที่กำลังจะเกิดขึ้นในชีวิต เช่นการแต่งงาน การเริ่มทำงานที่ใหม่

Deep down  แปลว่า Your true feeling ในไทยก็คือ ความรู้สึกจริงๆ ลึกๆในใจของคุณ

be dying to (do something new) แปลว่า want to do something very, very much.
ในไทยก็คือ ต้องการทำบางอย่างแบบมากๆ