Showing posts with label แกรมม่า. Show all posts
Friday, December 20, 2019
หลักการเลือกใช้คำนำหน้า the, a หรือ an
หลักการใช้ a / an
เราใช้ an นำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยสระ (a e i o u) เช่น
an apple
an umbrella
an architect
an elephant
เราจะใช้ a นำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะที่เหลือทุกตัว
a bank
a family
a hotel
a uniform
a university
The
* สำหรับการใช้ the นั้น จะใช้ต่อเมื่อสิ่งที่เราเรียกมีแค่อย่างเดียว
ตัวอย่างเช่น
We can go anywhere in the world.
(เรามีโลกเดียว)
Where is the kitchen?
(บ้านมีห้องครัวแค่ที่เดียว จึงใช้ the)
ใช้ the สำหรับนำหน้า only
You are the only person he will listen to.
The only tea I like is green tea.
* a / an เราจะใช้นำหน้าคำนามเวลาเรียกครั้งแรก และครั้งต่อไปเราจะใช้ the
There's a job available in my company. The job will involve some international travel.
A thief stole $1,200 from the shop. The thief hasn't been caught yet.
* ใช้ the เมื่อเราระบุชัดๆว่าสิ่งที่เราพูดหมายถึงใคร ที่ไหน อย่างชัดเจน เช่น
Let's go to a department store this evening.
(ใช้ a/an เพราะเราไม่ได้ระบุชัดๆว่าห้างที่ไหน ห้างมีหลายที่)
Let's go to the department store in Sathorn Road.
(เพราะเราระบุไปเลยว่าห้างที่ถนนสาทร)
เราใช้ an นำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยสระ (a e i o u) เช่น
an apple
an umbrella
an architect
an elephant
เราจะใช้ a นำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะที่เหลือทุกตัว
a bank
a family
a hotel
a uniform
a university
The
* สำหรับการใช้ the นั้น จะใช้ต่อเมื่อสิ่งที่เราเรียกมีแค่อย่างเดียว
ตัวอย่างเช่น
We can go anywhere in the world.
(เรามีโลกเดียว)
Where is the kitchen?
(บ้านมีห้องครัวแค่ที่เดียว จึงใช้ the)
ใช้ the สำหรับนำหน้า only
You are the only person he will listen to.
The only tea I like is green tea.
* a / an เราจะใช้นำหน้าคำนามเวลาเรียกครั้งแรก และครั้งต่อไปเราจะใช้ the
There's a job available in my company. The job will involve some international travel.
A thief stole $1,200 from the shop. The thief hasn't been caught yet.
* ใช้ the เมื่อเราระบุชัดๆว่าสิ่งที่เราพูดหมายถึงใคร ที่ไหน อย่างชัดเจน เช่น
Let's go to a department store this evening.
(ใช้ a/an เพราะเราไม่ได้ระบุชัดๆว่าห้างที่ไหน ห้างมีหลายที่)
Let's go to the department store in Sathorn Road.
(เพราะเราระบุไปเลยว่าห้างที่ถนนสาทร)
Thursday, July 24, 2014
โครงสร้าง Future Perfect Continuous Tense และการใช้
โครงสร้าง Tense -> ประธาน + will have been + Verb -ing.
การใช้ Future Perfect Continuous Tense เมื่อต้องการ
1. คาดเดาหรือทำนายเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นก่อนใช้ Future Perfect Continuous Tense เหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดทีหลังใช้ Future Simple Tense
- By the time you get home, Pop will have been flying for two hours.
กว่าคุณจะกลับถึงบ้าน ป็อปคงนั่งเครื่องบินได้ 2 ชั่วโมงแล้ว
- ฺWhen Professor John retires next month, he will have taught for 40 years
ศาสตราจารย์จอร์นจะเกษียณอายุในเดือนหน้า ท่านคงสอนครบ 40 ปีแล้ว
2. เพื่อเน้นในเรื่องระยะเวลาว่าระยะเวลาของการเกิดเหตุการณ์หนึ่งได้ดำเนินไปนานพอสมควรก่อนเหตุการณ์อีกเหตุการณ์หนึ่งจะเกิดขึ้น
ข้อสังเกต -> Future Perfect Continuous Tense มีความหมายคล้ายกับ Future Perfect Tense เพียงแต่ต้องการเน้นถึงการต่อเนื่องของการกระทำว่าได้ดำเนินต่อเนืองกันไป แม้เมื่อถึงเวลานั้น การกระทำยังคงดำเนินอยู่ต่อไปอีกโดยไม่ได้หยุด
โครงสร้างและการใช้ Future Perfect Tense
โครงสร้าง Future Perfect Tense -> ประธาน + will have + Verb 3 (กริยาช่องที่ 3)
การใช้ Future Perfect Tense เมื่อต้องการ
1. กล่าวถึงเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ในอนาคต เหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและสิ้นสุดก่อน ใช้ Future Perfect Tense เหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นทีหลัง ใช้ Present Simple Tense
- By the time I see you, I will have graduated.
ก่อนที่ฉันจะพบเธอคราวหน้า ฉันคงเรียนจบแล้ว
- ฺBy October 14, they will have married for one month.
นับถึงวันที่ 14 ตุลาคม พวกเขาคงแต่งงานครบ 1 เดือนพอดี
2. ใช้ Future Perfect Tense เพื่อเน้นว่าเหตุการณ์หนึ่งคงจะเสร็จสิ้นแล้วก่อนเวลาหนึ่ง หรือก่อนเหตุการณ์หนึ่งจะเกิดขึ้น มักมีคำหรือ กลุ่มคที่บอกเวลากำกับ เช่น by tomorrow , by next week , by the end of March , etc.
โครงสร้างและการใช้ Future Continuous Tense
โครงสร้าง Future Continuous Tense -> ประธาน + will be + Verb -ing.
การใช้ Future Continuous Tense เมื่อต้องการ
1. คาดการว่าในอนาคตในขณะนั้นจะมีเหตุการณ์หนึ่งกำลังเกิดขึ้น
- I will be teaching when you arrive.
(ฉันจะเริ่มสอนเมื่อคุณมาถึง)
- At the same time tomorrow, I will be waiting for you in the park.
(ในเวลาเดียวกันของพรุ่งนี้ ฉันจะรอคุณที่สวนสาธารณะ)
2. เมื่อต้องการถามหรือบอกว่ามีแผนการหรือมีความต้งใจที่จะทำบางสิ่งบางอย่าง ณ เวลาใด เวลาหนึ่งในอนาคต
- I will be learning a piano lesson at 6 o'clock tomorrow.
(ฉันจะเริ่มเรียนบทเรียนเปียโน 6 โมงเช้าพรุ่งนี้)
- I will be learning a piano lesson at 6 o'clock tomorrow.
(ฉันจะเริ่มเรียนบทเรียนเปียโน 6 โมงเช้าพรุ่งนี้)
Tuesday, July 22, 2014
การใช้ For, during
For และ during
เราใช้ for + ระยะเวลา เพื่อบอกว่าเหตุการณ์ดำเนินอยู่เป็นเวลานานเท่าใด เช่น for two hours (เป็นเวลา 2 ชั่วโมง), for a week (เป็นเวลา 1 สัปดาห์), for ages (เป็นเวลานานแสนนาน)
ตัวอย่างประโยค
เราใช้ for + ระยะเวลา เพื่อบอกว่าเหตุการณ์ดำเนินอยู่เป็นเวลานานเท่าใด เช่น for two hours (เป็นเวลา 2 ชั่วโมง), for a week (เป็นเวลา 1 สัปดาห์), for ages (เป็นเวลานานแสนนาน)
ตัวอย่างประโยค
- We watched TV for two hours last night.
- John is going away for a week in September.
- Where have you been? I've been waiting for ages.
ใช้ during + noun เพื่อบอกว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างช่วงเวลาใด (ไม่ใช่นานเท่าใด) เช่น during the movie= ระหว่างดูภาพยนตร์, during our holiday = ในช่วงวันหยุดของเรา, during the night = ในช่วงกลางคืน
ตัวอย่างประโยค
- I fell asleep during the movie.
- We met some really nice people during our holiday
- The ground is wet. It must have rained during the night.
เมื่อใช้ time words (คำบอกเวลา) เช่น the morning / the afternoon / the summer โดยปกติเราใช้ in หรือ during เช่น
- It must have rained in the night. หรือ during the night.
- I'll phone you sometime during the afternoon. หรือ in the afternoon.
คุณจะใช้ during เพื่อบอกว่าเหตุการณ์ดำเนินไปนานเท่าใดไม่ได้ เช่น
- It rained for three days without stopping. (ไม่ใช่ during three days)
เปรียบเทียบ during และ for กับประโยคต่อไปนี้
- I fell asleep during the movie. และ I was asleep for half an hours.
สรูปคือ for ใช้บอกว่าทำอะไรเป็นระยะเวลาเท่าไร แต่ during บอกว่าคุณทำอะไรเป็นเวลาช่วงไหน แต่ไม่บอกระยะเวลาของการกระทำนั้น
Friday, July 18, 2014
โครงสร้าง Future Simple Tense และการใช้
โครงสร้าง Future Simple Tense -> ประธาน + will + Verb 1 (base form)
การใช้ Future Simple Tense เมื่อต้องการ
1. บอกการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ไม่ได้ตั้งใจหรือวางแผนไว้ล่วงหน้า
- Oh! It's going to rain. I will get an umbrella. (โอ้ว! ฝนกำลังจะตก ฉันจะไปเอาร่มมา)
2. ต้องการคาดเดา หรือทำนายเหตุการณ์ ทีจะเกิดขึ้นในอนาคต
- I will pass the examination. Don't worry! (จะผ่านการทดสอบ ไม่ต้องกังวล)
3. บอกการกระทำที่ตัดสินใจฉับพลันว่จะทำอะไรในขณะที่พูด
- Oh! I have left the door open. I'll go and shut it. (โอ้ว! ผมได้เปิดประตูทิ้งไว้ ผมจะไปปิดมัน)
4. เสนอความช่วยเหลือหรือให้บริการ
- It's very hot. I'll turn on the fan for you. (มันร้อนมาก ผมจะไปเปิดพัดลมให้คุณ)
5. เมื่อตอบตกลงใจหรือปฎิเสธที่จะกระทำบางสิ่งบางอย่าง
- Would you like tea or coffee? I will have coffee please. (คุณต้องการชาหรือกาแฟดีค่ะ -> ผมเอากาแฟครับ)
6. เมื่อต้องการขอร้องให้ผู้อื่นกระทำบางอย่าง
- Will you buy some stamps for me, please ? (คุณช่วยไปซื้อแสตมป์ให้ฉันหน่อยได้ไหม)
7. เพื่อให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำหรือไม่ทำบางสิ่งบางอย่าง
- I will not tell anybody what you said. (ฉันจะไม่บอกใครทั้งนั้น เกี่ยวกับเรื่องที่คุณพูด)
8. ใช้ในประโยคหลักของ if-clause (ที่เป็น Present Simple Tense)
- If I need any help, I will ask you. (ถ้าฉันต้องการความช่วยเหลือ ฉันจะถามคุณ)
ข้อสังเกต ->
1. Future Simple Tense มักมีคำบอกเวลากำกับไว้ เช่น
1. Future Simple Tense มักมีคำบอกเวลากำกับไว้ เช่น
- tomorrow , next day , in a few weeks , in 2002 , in the near future , in the following year , the day after tomorrow , when you are grown up , this afternoon , in 5 minutes , within three years , presently , soon , as soon as possible , etc.
2 มักใช้กับสำนวน
- Probably : I will probably sleep late tonight.
- (I am) sure : I am sre Mark will like her.
- I expect : I expect Suda will arrive on time.
- I think : I think the present will please her.
การใช้ Past Perfect Continuous Tense
โครงสร้าง -> ประธาน + had been + Verb - ing.
การใช้ Past Perfect Continuous Tense เมื่อต้องการ
1. ใช้ Past Perfect Continuous Tense เมื่อมีเหตุการณ์ในอดีตเกิดขึ้น 2 เหตุการณ์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนและสิ้นสุดแล้ว ใช้ Past Perfect Continuous Tense เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีหลังใช้ Past Simple Tense
- Ann woke up in the middle of the night. She had been dreaming
- Wittaya was very tired. He had been working hard
ข้อสังเกต -> ความจริง Past Perfect Continuous Tense เป็นอดีตของ Present Perfect Continuous Tense นั่นเอง ดูจากการเปรียบเทียบ
- She is out of breath. She has been running. (เน้นผลการกระทำในปัจจุบัน)
- She was out of breath. She had been running (เน้นผลการกระทำในอดีต)
โครงสร้าง Past Perfect Tense และการใช้
โครงสร้าง Past Perfect Tense -> ประธาน + had + Verb 3 ( กริยาช่องที่ 3)
การใช้ Past Perfect Tense เมื่อต้องการ
1. มักใช้ Past Perfect Tense คู่กับ Past Simple Tense เพื่อบอก เหตุการณ์ในอดีต 2 เหตุการณ์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนใช้ Past Perfect Tense เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีหลังใช้ Past Simple Tense
เหตุการณ์ที่ 1 : Mary went out at 10 o'clock
เหตุการณ์ที่่ 2 : I arrived at 11 o'clock.
= Mary had gone out when I arrived.
เหตุการณ์ที่ 1 : I was pleased to meet Tukta
เหตุการณ์ที่่ 2 : I did not see her for 3 years.
= I was pleased to see Tukta because I had not seen her for 3 years.
2. ใช้กับ if-clause เมื่อประโยคหลักเป็น would, could, might + have + Verb 3
- He would have told her if he had met her.
3. ใช้ในประโยคหลัง I wish เพื่อบอกความหมายที่ตรงข้ามกับที่พูดในอดีต
- I wish I had met her five years ago. = ฉันหวังว่าจะเจอเขาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว (ความจริงไม่ได้เจอกัน)
- I wish she had not died. = ฉันหวังว่าเขาจะยังไม่ตาย (ความจริงคือเธอตายแล้ว)
4. มักใช้ในประโยคที่มีคำว่า already , after
- He had already gone when I arrived.
- After Wittaya had watched the Business program in Channel 3, he went out.
ข้อสังเกต ->
ความแตกต่างระหว่าง Past Perfect Tense กับ Present Perfect Tense คือ
Present Perfect Tense สัมพันธ์กับ Present Simple Tense
Past Perfect Tense สัมพันธ์กับ Past Simple Tense
- I'm not hungry. I have had breakfast. เน้นผลการกระทำในปจจุบัน
- I was not hungry. I had had breakfast. เน้นผลการกระทำในอดีต
โครงสร้าง Past Continuous Tense และการใช้
โครงสร้าง Past Continuous Tense -> ประธาน + was (were) + Verb -ing.
วิธีใช้ Past Continuous Tense เมื่อต้องการ
1. บอกเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนั้นในอดีต
- This time of year I was studying in Paris.
- She was flying to Vietnam at 9.30 last night.
2. ใช้คู่กับ Past Simple Tense เมื่อต้องการบอกว่า ขณะที่เหตุการณ์ หนึ่งกำลังดำเนินอยู่ในอดีต มีอีกเหตุการณ์หนึ่งกำลังเกิดขึ้นกลางคัน เหตุการณ์ทีกำลังดำเนินอยู่ใช้ Past Continuous Tense เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีหลังใช้ Past Simple Tenese
- John came while we were eating (จอร์นมาตอนที่เรากำลังกินข้าวกันอยู่ -> เหตุการณ์ผ่านมาแล้ว)
- Last night I was sleeping in bed when I suddenly heard a scream. (เมื่อคืนนี้ ฉันกำลังนอนหลับอยู่ ทันใดนั้น ฉันก็ได้ยินเสียงกรีดร้องขึ้น)
ข้อสังเกต -> คำกริยาที่ไม่ใช้กับ Present Continuous Tense ก็ไม่นิยมใช้กับ Past Continuous Tense เช่นเดียวกัน
โครงสร้าง Past Simple Tense และการใช้
โครงสร้าง Past Simple Tense -> ประธาน + Verb 2 (กริยาช่องที่ 2)
การใช้ Past Simple Tense เมื่อต้องการ
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดแล้วในอดีต โดยมักมีคำวิเศษณ์ บอกเวลาขยาย เช่น yesterday, two months ago, in 1984, when I was in my third year, in the previous year, last..., this morning, once upon a time, long time ago, during the World War II
- Nat was a taxi-driver. (นัทเคยเป็นคนขับรถแท็กซี่)
- Jina visited many museums when she was in Australia (จีนาไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฐ์มามากมาย เมื่อตอนที่เขายังอยู่ที่ออสเตรเลีย)
2. ใช้กับประโยคหลัง I wish เพื่อบอกความหมายที่ตรงกันข้ามกับ ที่พูดในปัจจุบัน
- I wish I knew him. (ฉันหวังว่าจะรู้จักเขา -> ความจริงคือฉันไม่รู้จักเขา)
3. ใช้เพื่อเล่าเรื่องราวในอดีตว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
- Last year I went in to the forest. I saw a huge animal. It was very fierce..
4. ใช้ในประโยค if-clause ซึ่งมีประโยคหลักเป็น would, could, might + คำกริยาช่องที่ 1 (base form)
- It might see him if I went earlier. (ฉันอาจได้เจอเขาถ้าฉันไปเร็วกว่านี้)
5. ใช้กับเหตุการ์ที่ทำเป็นประจำหรือเป็นนิสัยในอดีต
- I liked to play baseball when I was a child. (ฉันชอบเล่นเบสบอลเมื่อตอนฉันยังเป็นเด็ก)
- Dad smoked 20 cigarettes a day from 1970-1975
6. ใช้กับคำกริยาบางคำที่บอกเหตุการณ์ในอดีต และไม่เกี่ยวของกับปัจจุบันอีก เช่น
- Shakespeare wrote Macbeth. (เช็คสเปียร์เคยเขียนหนังสือ Macbeth -> การเขียนสิ้นสุดลงแล้ว)
- The Chinese invented printing (การประดิษฐ์สิ้นสุดลงแล้ว)
7. ใช้คู่กับ Tenses อื่นเช่น Present Perfect Tense, Past Perfect Tense, Past Continuous Tense, If-Clause (Present Unreal)
การใช้ Present Perfect Continuous Tense
โครงสร้าง -> ประธาน + have (has)+ been +Verb-ing.
การใช้ Present Perfect Continuous Tense เมื่อต้องการ
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เริ่มต้นในอดีต และยังคงดำเนินอยู่ในขณะที่พูด
- She has been cooking for 45 minutes. หมายความว่า เขาทำอาหารมา 45 นาทีแล้ว ตอนนี้ก็กำลังทำอยู่
- The child has been crying since 8 o'clock หมายความว่า เด็กร้องไห้มาตั้งแต่ 8 โมงแล้ว ตอนนี้ก็ยังร้องอยู่
2. กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต อาจสิ้นสุดแล้ว หรือยังไม่สิ้นสุดก็ได้ แต่เน้นที่การกระทำมากกว่า ผลของการกระทำ
- He has been repairing the car. (เน้นว่าเขาซ่อมรถเป็นเวลานานแล้ว -> อาจจะกำลังซ่อมอยู่หรือไม่ซ่อมก็ได้ แต่ไม่ได้แปลว่ารถวิ่งได้แล้ว)
- Pare has been working hard all day. หมายความว่า แพรทำงานหนักตลอดทั้งวัน ขณะนี้ก็มีท่าทางเหนื่อยอยู่ (ไม่เน้นถึงงานที่ทำ)
3. มักใช้คำว่า how long, since, for
- He has been painting for two hours. (เขาได้ระบายสีมาเป็นเวลา 2 ชม. แล้ว)
*ข้อสังเกต
1. Present Perfect Continuous Tense มีความหมายคล้ายกับ Present Perfect Tense แต่ Present Perfect Continuous Tense เน้นการกระทำ และระยะเวลาที่เกิดเหตุการณ์ ส่วน Present Perfect Tense เน้นที่ผลที่เกิดจากการกระทำ
2. คำกริยาที่ไม่ใช้ใน Present Continuous Tense ก็จะไม่นำมาใช้กับ Present Perfect Continuous Tense เช่นกัน
โครงสร้าง Present Perfect Tense และการใช้ตามเหตุการณ์ต่างๆ
โครงสร้าง Present Perfect Tense -> ประธาน + have (has)+ Verb 3 (กริยาช่องที่ 3)
การใช้ Present Perfect Tense เมื่อต้องการ
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและพึ่งเสร็จสิ้น สามารถเห็นผลของการกระทำนั้นได้
- I have written a letter. (ฉันเขียนจดหมายเสร็จแล้ว -> จดหมายนั้นยังวางอยู่บนโต๊ะ)
- He has taken a bath. (เขาอาบน้ำเสร็จแล้ว -> ตัวอาจจะยังเปียกอยู่)
2. ใช้บอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนอดีต และดำเนินเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในไทยหมายถึง เคย... (หากต้องการพูดว่า ไม่เคย... ให้เติมคำว่า never ลงไป)
- Dream has (never) studied Spanish. หมายถึง ดรีมเคย (หรือไม่เคย) เรียนภาษาสเปน
- Have you eaten crocodile meat? หมายความว่า คุณเคยกินเนื้อจระเข้ไหม (ตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้)
3. แจ้งข่าว หรือประกาศข่าวที่พึ่งเกิดขึ้นให้ผู้อื่นทราบ
- Ow! I have burnt myself! (โอ๊ย! ไฟไหม้มือฉัน)
4. ใช้กับประโยคคำถามที่มีคำว่า ever
- Have you ever met Kitty? (คุณเคยเจอคิตตี้ไหม)
5. ใช้หลังคำว่า when, after, until เพื่อแสดงว่าเหตุการณ์ได้สิ้นสุดลงแล้วก่อนเหตุการณ์อีกเหตุการณ์หนึ่ง
- Wait until he has gone. (รอจนกระทั่งเขาไป)
- When I have written the report , you can borrow my pen. (เมื่อฉันได้เขียนรายงาน คุณสามารถยืมปากกาฉัน)
6. ใช้ Present Perfect Tense หากมีคำหรือข้อความต่อไปนี้
- ข้อความที่เป็นการเปรียบเทียบขั้นสูงสุด เช่น It is the most expensive car I have known.
- This is the first time, It is the first ตัวอย่างประโยค เช่น This is the first time I have seen it (นี่เป็นแรกเลยที่ฉันเห็นมัน)
- So far. (จนกระทั่งบัดนี้) ตัวอย่างประโยค They haven't moved to New York so far.
- In the last few days... หรือ in the past few years. ตัวอย่างประโยคเช่น It has rained a lot in the past few days.
- just, yet, recently, lately, once, twice ตัวอย่างเช่น Pop has not seen snow yet. หรือ The teacher has just arrived.
- since, for (since ใช้บอกหน่วยเวลา, for ใช้บอกช่วงหรือ ระยะเวลา) ตัวอย่างเช่น
- He has lived here since 1972 (เขาอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ปี 1972)
- They have known each other for years (เขารู้จักคนอื่นๆมาเป็นเวลา 1 ปี)
- today, this week (month, year) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยังไมสิ้นสุดในขณะที่พูด ตัวอย่างประโยค
- Have you had a holiday this year?
- ใช้ I have been to ...... เพื่อต้องการบอกว่าไปแล้ว แต่กลับมาแล้ว เช่น I have been to Bangkok.
- ใช้ I have gone to ...... เพื่อต้องการบอกว่าไปแล้วแต่ยังไม่กลับมา เช่น The nurse has gone for dinner.
โครงสร้าง Present Continuous Tense และการใช้
โครงสร้าง -> ประธาน + Verb to be (is, am, are)+ Verb เติม ing.
การใช้ Present Continuous Tense เมื่อต้องการ
1. ใช้บอกเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นจริง ในขณะที่พูด
- The wind is blowing (ขณะที่พูดลมกำลังพัดอยู่)
- The telephone in the bedroom is ringing while we are eating (เสียงโทรศัพท์ในห้องนอนดังขึ้น ขณะที่เรากำลังรับประทานอาหารอยู่)
2. ใช้บอกเหตุการ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น แต่ไม่จำเป็นต้องกำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูด
- Mook is writing a novel. (หมายความว่า มุกได้เริ่มเขียนนวนิยายแล้ว แต่ขณะพูดอาจไม่ได้กำลังถือปากกาเขียน)
- Decha is building his own house. (บ้านของเดชากำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ขณะพูด เดชาอาจกำลังพักผ่อนก็ได้)
3. ใช้บอกสถานที่ที่เปลีย่นแปลงไปจากเดิม
- Is your French getting better? (ความสามารถในการใช้ภาษาฝรั่งเศสของคุณ กำลังดีขึ้นใช่ไหม คือเปลี่ยนจากไม่ดีเป็นดี)
- The cost of living is increasing every year. (ค่าครองชีพกำลังเพิ่มค่าสูงขึ้นเรื่อยๆทุกๆปี)
4. ใช้หลัง while เมือประโยคหลักเป็นปัจจุบันกาล
- While we are sleeping, everything is quiet. (ขณะที่เรากำลังนอนหลับ ทุกๆสิ่งเงียบสงัด)
5. ใช้กับประโยคที่ส่วนหน้าเป็นคำอุทาน
- Listen! The bird is singing (ฟังสิ! นกกำลังร้องเพลง)
6. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งในปัจจุบัน ไม่ใช่เกิดขึ้นเป็นประจำ
- Why are you wearing your coat today? It's very warm. (ทำไมคุณถึงใส่เสื้อโค้ทมาวันนี้ อากาศอุ่นมากๆ)
7. ใช้กับเหตุการณ์ หรือแผนการที่ตั้งใจทำในอนาคต
- I'm going to the library this afternoon (ฉันจะไปห้องสมุดตอนบ่ายนี้)
ข้อสังเกต -> ประโยค Present Continuous Tense มักมีคำบอกเวลาประกอบคือ at the moment, today, these days, this season, this week, this year, at present, now , etc.
โครงสร้าง Present Simple Tense และการใช้
โครงสร้าง Present Simple Tense -> ประธาน + Verb 1 (กริยาช่องที่ 1)
(ถ้าประธานเป็นคนเดียว, สิ่งเดียว กริยาต้องเติม s, es )
กฎการเติม s, es ดูได้ที่ -> กฎการเติม s, es
การใช้ Present Simple Tense เมื่อต้องการ
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่กระทำเป็นประจำหรือบ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน
- Ploy eats som-tam หมายความว่า พลอยกินส้มตำเป็นประจำหรือบ่อยๆ
- A bird flies หมายความว่า การที่นกบินเป็นเรื่องปกติ หรือบินบ่อยๆ
2. ใช้อธิบายข้อมูลที่เป็นจริงของบุคคล
- Oat works for a bank หมายความว่า ปัจจุบันโอ๊ตทำงานที่ธนาคาร
- I have 3 brothers หมายความว่า ฉันมีพี่(น้อง) ชาย 3 คน
3. ใช้บรรยายความเป็นจริงตามธรรมชาติ
- The earth is round (โลกกลม)
- The rainbow consists of seven colours. (สายรุ้งประกอบด้วย 7 สี)
4. ใช้อธิบายลักษณะนิสัย รูปร่าง บรรยายสภาพปัจจุบันของ คน สัตว์ สิ่งของ
- The River Nile flows from The South to The North.
5. ใช้บอกตารางหรือกำหนดการต่างๆ
- The bus leaves Khon Kaen at 8.30 a.m. (รถประจำทางออกจากขอนแก่นเวลา 8 โมงครึ่ง)
- The football match starts at 10.00 p.m. (ฟุตบอลเริ่มแข่งตอน 4 ทุ่ม)
6. ใช้หลังคำเชื่อม as soon as, when, till, until ซึ่งประโยคหลักเป็นอนาคตกาล
- We will make a decision as soon as you are ready. (เราควรตัดสินใจทันที เมื่อคุณพร้อม)
- Most people learn to swim when they are young. (คนส่วนใหญ่จะเรียนว่ายน้ำ ตอนที่เขายังเป็นเด็ก)
7. ใช้กับ if-clause ซึ่งมีประโยคหลักเป็น Future Simple Tense
- I will play the piano if you give me that present (ฉันจะเล่นเปียโน ถ้าคุณให้ของขวัญนั่นกับฉัน)
8 คำกริยาต่อไปนี้นิยมใช้ในรูป Simple Tense คือ want, like, belong, know, suppose, need, love, see, realize, mean, remember, forget, prefer, hate, hear, believe, understand, seem
- The students do not understand the question. (นักเรียนไม่เข้าใจคำถาม)
- The factory belongs to me. (โรงงานเป็นของฉัน)
ข้อสังเกต -> ประโยค Present Simple Tense มักมีคำกริยาวิเศษณ์ ต่อไปนี้ประกอบอยู่ เช่น always, often, usually, sometimes, everyday, twice, weekly, once in a while, in summer, in the morning, during winter, in the rainy season, etc.
สามารถอ่านศัพท์ความถี่เพิ่มเติมได้ที่ >>> คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับความถี่
สามารถอ่านศัพท์ความถี่เพิ่มเติมได้ที่ >>> คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับความถี่
Subscribe to:
Posts
(
Atom
)